ในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพนั้น การตั้งชื่อเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก เพราะชื่อจะเป็นสิ่งที่ระบุตัวตนของธุรกิจและจะคงอยู่กับธุรกิจตลอดไป หากคุณกำลังวางแผนที่จะทำธุรกิจสตาร์ทอัพใด ๆ และกำลังมองหาไอเดียดี ๆ ในการตั้งชื่อธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณอยู่ล่ะก็ วันนี้เรามีคำตอบให้กับคุณ
หลักในการตั้งชื่อธุรกิจสตาร์ทอัพที่ดี
1. สั้นและกระชับ
ชื่อที่ดีควรจะสั้นและกระชับเพราะจะช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้คุณประหยัดงบการตลาดในการโปรโมตธุรกิจของคุณได้มากขึ้น
2. หลีกเลี่ยงคำที่อ่านยาก ๆ
ชื่อที่ดีไม่ควรจะมีคำที่อ่านยาก ๆ สะกดยาก ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำและเรียกชื่อธุรกิจของคุณได้อย่างถูกต้องและง่ายดาย
3. ตั้งแบบกว้าง ๆ แบบไม่จำกัดธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
ชื่อที่ดีควรจะตั้งกว้าง ๆ แบบไม่จำกัดเพียงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เพราะธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณอาจจะไปได้ดี มีการออกบริการหรือผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต เช่น Chanel ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายระดับไฮเอนด์ชื่อดังของโลกแต่ทางแบรนด์ก็ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ อย่างเครื่องสำอาง น้ำหอม สกินแคร์และจิวเวลรี่
หรือ Samsung ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากประเทศเกาหลี ซึ่งแรกเริ่มนั้นทางแบรนด์ได้ผลิตและจัดจำหน่ายเฉพาะโทรทัศน์เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ทางแบรนด์ได้มีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ เช่น สมาร์ทโฟน ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
4. บ่งบอกถึงระดับหรือตำแหน่งของธุรกิจ
หากธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณเป็นธุรกิจที่เจาะกลุ่มตลาดใดตลาดหนึ่งโดยเฉพาะ คุณควรตั้งชื่อธุรกิจที่สามารถสื่อและบ่งบอกถึงตำแหน่ง (Position) ของธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าชื่อนี้เป็นบริการหรือผลิตภัณฑ์ระดับใด เช่น The Ritz-Carlton Residences ซึ่งเป็นชื่อของแบรนด์คอนโดหรูระดับไฮเอนด์ในกรุงเทพมหานคร หรือ Hop Inn ซึ่งเป็นชื่อของแบรนด์โรงแรม 2 ดาว เป็นต้น
5. ไม่ควรเกี่ยวข้องกับชาติ ศาสนาหรือพระมหากษัตริย์
แม้ว่าทัศนคติทางด้านการเมืองหรือศาสนาจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็ตาม แต่เพื่อความปลอดภัยแก่ธุรกิจของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคต ชื่อที่ดีไม่ควรจะมีคำที่เกี่ยวข้องหรือสื่อถึงชาติ ศาสนาหรือพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนประเด็นอื่น ๆ เช่น เพศ เชื้อชาติ สีผิว ฯลฯ
6. สื่อถึงคุณประโยชน์ของธุรกิจ
ชื่อที่ดีควรจะบ่งบอกถึงคุณประโยชน์ของธุรกิจเพราะจะช่วยอธิบายและสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วว่าถ้าหากลูกค้าเลือกที่จะใช้บริการหรือเลือกที่จะซื้อผลิตภัณฑ์นี้แล้วลูกค้าจะได้อะไร เช่น Vitamilk (ไวตามิลค์) ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ธุรกิจนมถั่วเหลือง ซึ่ง Vita มาจากคำว่า Vitamin ที่แปลว่าวิตามิน และ Milk ที่แปลว่านม โดยชื่อ Vitamilk นั้นสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าว่า แบรนด์นี้เป็นแบรนด์นมที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ
หรือ Thai Smile (ไทยสไมล์) ซึ่งเป็นชื่อของธุรกิจสายการบิน โดยคำว่า Thai แปลว่า ไทย และ Smile แปลว่ายิ้ม เป็นคำที่สร้างความรู้สึกทางบวกให้กับลูกค้า และประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็น The land of smiles โดยชื่อ Thai Smile สร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าว่า สายการบินนี้เป็นของประเทศไทยซึ่งเป็นสยามเมืองยิ้มและเมื่อลูกค้าใช้บริการสายการบินนี้แล้วจะประทับใจและยิ้มไปตลอดทาง
7. สื่อถึงภาพลักษณ์ของธุรกิจ
ชื่อที่ดีควรจะสื่อหรือสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้เห็นภาพและเข้าใจได้ว่าธุรกิจของคุณเป็นเช่นไร ซึ่งข้อนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจการบริการ เช่น The White Cottage (เดอะไวท์คอจเทจ) ซึ่งเป็นชื่อของธุรกิจโรงแรมในเกาะสมุย โดยคำว่า White แปลว่าสีขาว และ Cottage แปลว่ากระท่อม โดยชื่อนี้สื่อให้ลูกค้าเห็นภาพว่า เมื่อลูกค้าเข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้ ลูกค้าจะได้พักในกระท่อมที่มีการตกแต่งในโทนสีขาว
หรือ Oceanfront Beach Resort (โอเชี่ยนฟร้อนท์บีชรีสอร์ท) ซึ่งเป็นชื่อของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต โดยคำว่า Oceanfront นั้นมาจากคำว่า Ocean Front ซึ่งแปลว่า หน้ามหาสมุทร Beach แปลว่าชายหาดและ Resort แปลว่าสถานที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ โดยชื่อ Oceanfront Beach Resort นั้นสื่อให้ลูกค้าเห็นภาพว่า โรงแรมแห่งนี้เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ ตั้งอยู่ติดชายหาดและสามารถมองเห็นวิวทะเล
8. ระวังความหมายแปลก ๆ ในภาษาอื่น
ชื่อที่ดีไม่ควรสามารถถูกตีความหรืออ่านออกเสียงในทางลบในภาษาอื่น ๆ เช่น สุรีย์พร (Sureeporn) ชื่อแบรนด์ธุรกิจลิปสติกที่มีความหมายดีมากและฟังดูไพเราะในภาษาไทย แต่เมื่อมองในมุมมองภาษาอังกฤษแล้ว Sureeporn มีคำว่า ‘Porn’ ซึ่งแปลว่าสื่อลามก ซึ่งนี่อาจสร้างความรู้สึกทางลบให้กับลูกค้าบางคนได้
หรือ Heecha (ฮีชา) แบรนด์ธุรกิจชามไข่มุกแบรนด์หนึ่งในประเทศจาไมก้าซึ่งเป็นเจ้าของโดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งคำว่า Hee ในภาษาจีนแปลว่า มา และ Cha ในภาษาจีนแปลว่า ชา ซึ่ง Heecha แปลว่า Let’s drink a tea หรือ มาดื่มชาสักแก้วกันเถอะ เป็นชื่อที่มีความหมายดีมาก ๆ ชื่อหนึ่ง แต่เมื่อคนไทยอ่านชื่อนี้แล้วอาจจะสร้างความขำขันหรือสร้างความรู้สึกทางลบได้
9. ใส่ชื่อของคุณลงไป
ในกรณีที่คุณเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง การใส่ชื่อของคุณลงในชื่อธุรกิจนั้นจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ เพราะลูกค้าสามารถรับรู้ได้ว่านี่เป็นธุรกิจของคุณและไว้วางใจที่อุดหนุนธุรกิจคุณ เช่น Nongchat (น้องฉัตร) ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ธุรกิจเครื่องสำอางที่เป็นเจ้าของโดยคุณฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ช่างแต่งหน้าชื่อดังแนวหน้าของประเทศไทย หรือ Kylie Cosmetics (ไคลี่ย์คอสเมติกส์) แบรนด์ธุรกิจเครื่องสำอางที่เป็นเจ้าของโดยไคลี คริสเตน เจนเนอร์ (Kylie Kristen Jenner) นางแบบชื่อดังชาวอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียง การใส่ชื่อของคุณลงในธุรกิจนั้นก็เป็นไอเดียที่ดีอย่างหนึ่งเพราะจะช่วยสร้างเอกลักษณ์และความเป็นสิริมงคลให้กับธุรกิจของคุณ เพราะตามความเชื่อของคนไทยแล้ว ชื่อที่บุพการีตั้งให้นั้นเป็นชื่อที่ดีที่สุดและเป็นมงคลกับชีวิตมากที่สุด
10. ระวังคำ Prefix และ Suffix
แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์มักจะออกผลิตภัณฑ์หรือบริการหมวดหมู่ใหม่ ๆ แต่มีการใส่ชื่อแบรนด์เดิมให้เป็นคำ Prefix (คำที่เติมนำหน้า) หรือ Suffix (คำที่เติมต่อท้าย) ไปด้วยเพื่อทำให้ลูกค้าทราบว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในเครือบริษัทเดียวกันและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เช่น แบรนด์ True ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยทางบริษัทก็ได้มีการให้บริการด้านอื่น ๆ ด้วยการเปิดธุรกิจเป็นแบรนด์แยกย่อยออกมา เช่น True Money Wallet ซึ่งเป็นบริการกระเป๋าสตางค์ออนไลน์ เป็นต้น
ในการตั้งชื่อที่ดีนั้น คุณควรระวังมิให้มีคำ Prefix หรือ Suffix ที่คล้าย ๆ หรือเป็นคำที่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับลูกค้าว่าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจในเครือเดียวกันกับธุรกิจที่มีอยู่ในท้องตลาด เพราะนี่อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมายได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหานี้ในอนาคต เราขอแนะนำให้คุณนำชื่อที่คุณต้องการจะตั้งไปตรวจสอบบนเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าชื่อธุรกิจของคุณจะไม่มีคำที่เป็น Prefix Suffix หรือเป็นชื่อที่ชวนให้นึกถึงแบรนด์อื่น ๆ ที่มีอยู่
ให้ Business Name Generator ช่วยคุณ
Business Name Generator เป็นเครื่องมือตั้งชื่อธุรกิจสตาร์ทอัพที่ใช้งานง่าย ใช้ได้ไม่จำกัดและฟรี เพียงแค่คุณกรอกคำสั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณหรือกรอกไอเดียชื่อที่คุณมีลงบนช่องค้นหา จากนั้นระบบ AI ของเราจะทำการประมวลผลและแสดงรายชื่อใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากว่า 100+ รายชื่อและชื่อต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นมานั้นจะสามารถนำไปตั้งเป็นโดเมนเว็บไซต์ได้เช่นกัน
เลือกชื่อที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณและลงมือเริ่มต้นธุรกิจของคุณวันนี้
แนะนำคีย์เวิร์ดสำหรับธุรกิจแต่ละประเภท
- ร้านอาหาร: dinner, lunch, breakfast, fastfood, takeout, food, delicious, grilled, hotpot, eat, meal และ delight
ตัวอย่างชื่อร้านอาหารที่สร้างด้วย Business Name Generator:
- Lunch Virtue
- Dinnerara
- Foodtastic
- Dinnerhut
- Lunchverse
- Lunchya
- Dinnergenix
- Dinnerio
- Foodio
- Foodaholic
- ร้านกาแฟ: coffee, break, brunch, tea, milk, cafe, cafe, caffeine, bubbletea, barista, relax และ greentea
ตัวอย่างชื่อร้านกาแฟที่สร้างด้วย Business Name Generator:
- Milklada
- Teaella
- Milk Bulk
- Teahut
- Coffeetastic
- Cafe First
- Cocoasio
- Milk Go
- Coffesso
- Milika
- ร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง: pet, dog, cat, friend, shirt, shop, vet และ pal
ตัวอย่างชื่อร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่สร้างด้วย Business Name Generator:
- Happy Pet
- Pet Kingdom
- Ruff Ruff
- Pet Fido
- Dog Ruff
- Pet Planet
- Dog World
- Pal Mart
- Pet Play
- Pet Land
- ร้านนวดสปา: spa, massage, delight, wellness และ therapy
ตัวอย่างชื่อร้านนวดสปาที่สร้างด้วย Business Name Generator:
- Haven
- Spa Delight
- Massage Madam
- Massae Delight
- Spa Lola
- Spabella
- Spa Harmony
- Miracle Spa
- Massage Classy
- Spa Luxe
- ฟิตเนส: exercise, aerobic, fit, muscle, healthy, sport, fitness, gym, gain และ burn
ตัวอย่างชื่อร้านฟิตเนสที่สร้างด้วย Business Name Generator:
- Fit Day One
- Gymhub
- Muscleegy
- Fitercise
- Gymtastic
- Fitness Xerxes
- Muscleado
- Fitzen
- Fit AAA
- Fitholic
ตัวอย่างชื่อแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกที่มาจากการเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพเล็ก ๆ
เพื่อช่วยให้คุณเกิดไอเดียในการสร้างสรรค์ชื่อธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ เราได้ทำการรวบรวมรายแบรนด์ธุรกิจชื่อดังที่มีต้นกำเนิดมาจากการเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพและประสบความสำเร็จมา 3 ชื่อด้วยกันพร้อมประวัติและที่มาในการตั้งชื่อแบรนด์ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
Coke (โค้ก)
แบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่เป็นที่รู้จักและนิยมไปทั่วโลกที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยจอห์น สติท แพมเบอร์ตัน (John Stith Pamberton) เภสัชกรชาวอเมริกัน ซึ่งแรกเริ่มนั้นคุณแพมเบอร์ตันได้นำใบโคคามาต้มใส่กับเครื่องปรุงรสต่าง ๆ แล้วออกจำหน่ายเป็นดื่มชูกำลัง เพราะใบโคคามีคุณสมบัติในการกระตุ้นความอยากอาหารและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งใบโคคายังมีสารโคเคนซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการดูดซับสารโดปามีนซ้ำในสมองของมนุษย์ซึ่งจะนำไปสู่การเสพย์ติด เพราะในตอนนั้นคุณแพมเบอร์ตันกำลังประสบปัญหาติดสารมอร์ฟีนที่เขาใช้ฉีดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของบาดแผลในระหว่างที่เขาไปสู้รบในสนามรบ
และในปี ค.ศ. 1885 คุณแพมเบอร์ตันก็ได้เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังที่เขาคิดค้นขึ้นมานี้ภายใต้ชื่อ Pamberton’s French Wine Coca และวางจำหน่ายหน้าร้านขายยาของเขาในราคา 5 เซนต์และได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลังจากนั้นคุณแพมเบอร์ตันก็ได้ส่งเครื่องดื่มชนิดนี้ไปให้เจ้าของร้านเครื่องดื่มร้านหนึ่งได้ลองชิม เจ้าของร้านก็ได้เกิดไอเดียนำเครื่องดื่มนี้ไปผสมกับน้ำโซดาและเสิร์ฟให้ลูกค้าในร้านและลูกค้าก็ติดอกติดใจในรสชาติและมียอดขายถล่มทลาย แต่ด้วยความที่ชื่อเครื่องดื่มของคุณแพมเบอร์ตันเป็นชื่อที่ยาวไป ทำให้ลูกค้าเรียกยากและเป็นที่จดจำได้ยาก เขาจึงตั้งชื่อเครื่องดื่มของเขาขึ้นมาใหม่ชื่อว่า ‘Coca-Cola’
และในช่วง 3 ปีให้หลัง สุขภาพของคุณแพมเบอร์ตันก็ได้แย่ลง ๆ สืบเนื่องมาจากปัญหาติดมอร์ฟีน เงินทองที่เขาหามาได้จากการขายเครื่องดื่มชูกำลังนั้นก็ได้ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ เขาจึงตัดสินใจขายหุ้นบริษัททั้งหมดให้กับคุณอะซา กริก แคนด์เลอร์ (Asa Griggs Candler) นักธุรกิจชาวอเมริกันเพื่อนำเงินมารักษาตนเอง และหลังจากนั้น Coca-Cola ก็ได้ถูกร้องเรียนว่าเป็นเครื่องดื่มที่อันตรายเพราะมีสารเสพย์ติด ทางบริษัทจึงทำการปรับปรุงสูตรโดยการลดปริมาณคาเฟอีนลงและมีการสกัดสารโคโคนออกไปและได้เปลี่ยนแบรนด์เป็น New Coke เพื่อลบภาพจำของเครื่องดื่มที่มีสารสกัดจากใบโคคาที่เป็นต้นกำเนิดของโคเคน จากนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็น Coca-Cola Classic และจบด้วยชื่อ Coke ซึ่งถูกใช้มาถึงปัจจุบันนี้
Guinness (กินเนส)
แบรนด์เบียร์ดำชื่อดังจากประเทศไอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยอาร์เธอร์ กินเนส (Arthur Guinness) นักบุญชาวไอริช ซึ่งจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้มาจากความชอบและภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยคุณอาร์เธอร์เติบโตมาในครอบครัวชาวนาผู้ซึ่งทำงานในโบสถ์ให้กับ ดร.อาร์เธอร์ ไพรซ์ อาร์ชบิชอปแห่งคริสตจักรแห่งไอร์แลนด์ ซึ่งนอกจากคุณอาเธอร์และครอบครัวจะทำงานปัดกวาด เช็ดถูและดูแลความเรียบร้อยของโบสถ์แล้วยังทำหน้าที่เป็นคนต้มเบียร์ให้กับโบสถ์อีกด้วย
เดิมทีนั้นคุณอาเธอร์เป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์และชอบหมักเบียร์เป็นงานอดิเรก โดยเบียร์ของเขาจะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีการนำข้าวบาร์เลย์ไปคั่วก่อนนำมาหมัก ทำให้เบียร์ที่ได้ออกมานั้นเป็นสีดำและมีรสชาติเปรี้ยวนิด ๆ และหลังจากที่ ดร.อาร์เธอร์ ไพรซ์ ได้เสียชีวิตลง เขาได้มอบเงินมรดกให้กับผู้รับใช้ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคุณอาเธอร์คนละ 100 ปอนด์และคุณอาเธอร์ก็ได้นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนเปิดธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเบียร์เป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลบันทึกที่แน่ชัดว่าคุณอาเธอร์ได้นำสูตรผลิตเบียร์สูตรเดียวกันกับที่โบสถ์มาใช้หรือไม่
ในตอนเริ่มต้น คุณอาเธอร์จำหน่ายเบียร์ในเมืองที่ตนเองอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ด้วยความที่รสชาติเบียร์ของคุณอาเธอร์นั้นอร่อยและมีความแตกต่างจากเบียร์อื่น ๆ ในท้องตลาด ทำให้เบียร์ของคุณอาเธอร์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและทำให้เขามีเงินทุนในการก่อตั้งโรงงานผลิตเบียร์โรงงานแรกในปี ค.ศ. 1755 และมีการตั้งชื่อแบรนด์เบียร์ดำของตนเองว่า ‘Guiness’ ซึ่งเป็นชื่อนามสกุลของคุณอาเธอร์ และเบียร์ของคุณอาเธอร์ได้ถูกผลิตและส่งจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศไอร์แลนด์และมียอดขายกว่า 700,000 บาร์เรลต่อปี และในปี ค.ศ. 1769 คุณอาเธอร์ก็ได้ส่งออกเบียร์ของเขาไปยังประเทศอื่น ๆ อย่าง อังกฤษ สก๊อตแลนด์ และเวลส์
Nestlé (เนสท์เล่)
แบรนด์เครื่องดื่มและอาหารชื่อดังระดับโลกจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยอองรี เนสท์เล่ (Henri Nestlé) เภสัชกรลูกครึ่งเยอรมัน-สวิต ซึ่งเดิมทีคุณอองรีอยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจจำหน่ายนมวัว น้ำแร่ น้ำมะนาว แก๊สหุงต้ม น้ำส้มสายชู ปุ๋ย น้ำมันตะเกียง และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่จุดเริ่มต้นของแบรนด์เนสท์เล่นั้นมาจากความต้องการในการช่วยเหลือเด็กทารกที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพของแม่หรือเด็ก ซึ่งคุณอองรีได้คิดค้น ‘Farine Lactee (ฟารีน แล็คเต)’ หรือที่เรียกติดปากคนไทยว่า Cerelac (ซีรีแล็ค) ผลิตภัณฑ์นมสำเร็จรูปทางเลือกที่ผลิตมาจากน้ำนมวัวและธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย
ผลิตภัณฑ์นมสำเร็จรูปของคุณอองรีได้ช่วยชีวิตเด็กทารกไว้จำนวนมากและได้ถูกส่งจำหน่ายไปทั่วทั้งยุโรป สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างรวดเร็ว และในระยะเวลาเพียงไม่นานคุณอองรีก็ได้เปิดโรงงานเป็นของตนเองที่แรกในเมืองเววีย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ มากมาย เช่น นมผง นมข้นหวาน ไอศกรีม ฯลฯ โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘Nestlé’ ซึ่งเป็นนามสกุลของเขาเองและได้ใช้โลโก้เป็นรูปรังนกเพราะ Nestlé เป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า รังนก
ปัจจุบันนี้ แบรนด์เนสท์เล่มีโรงงานในหลากหลายประเภททั่วโลกและมีการออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ชา กาแฟ นมพร่องมันเนย นมผง เครื่องดื่มช็อกโกแล็ต น้ำแร่ ฯลฯ และได้เกิดแบรนด์แยกย่อยออกมาหลากหลายแบรนด์ เช่น Nescafé, Nesvita, Nestlé Purelife, Carnation, Milo, Maggi, Minere และอื่น ๆ อีกมากมาย