มาทำความรู้จักกับศิลปะจิตรกรรมกันซักนิด จิตรกรรม (Painting) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการขีดเขียน การวาด และระบายสี เพื่อให้เกิดภาพ หรือลวดลาย เป็นงานศิลปะที่มี 2 มิติ ไม่มีความตื้น ลึกหรือนูนหนา ความงามของจิตรกรรมเกิดจากการใช้สีสันในลักษณะต่าง ๆ การวางองค์ประกอบของภาพเเละสัดส่วนทำให้เกิดลวดลายเเละเรื่องราวที่สามาถถ่ายทอดสื่อความหมาย อารมณ์เเละความคิดของมนุษย์ โดยมีผู้สร้างสรรค์ผลงานที่เรีกกว่า จิตรกร (Painter)
งานจิตรกรรมเป็นงานศิลปะที่เก่าแก่ดั้งเดิมของมนุษย์เริ่มตั้งแต่การขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือการวาดลวดลายลงบนร่างกาย บนภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ ลวดลายที่ถักทออยู่บนผืนผ้า จนพัฒนามาเป็นภาพวาดที่ใช้ประดับตกแต่งเพื่อระบุถึงสถานะของชนชั้นต่าง ๆ งานจิตรกรรมเริ่มเเรกเกิดขึ้นในยุคหินเก่าระหว่าง10,000-20,000 ปีก่อนคริสตกาลโดยมนุษย์เผ่าแรก คือโครมันยอง (Cro-Magnon) เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากธรรมชาติและเล่าเรื่องราวการดำรงชีวิตภาพส่วนใหญ่จะเป็นรูปจำลองคน,สัตว์เเละการล่าสัตว์โดยภาพจิตรกรรมที่เก่าแก่ที่สุดถูกค้นพบที่ถ้ำโชเวท์ (Grotte Chauvet)ในประเทศฝรั่งเศสมีอายุเก่าเเก่ราว 32,000 ปี เป็นภาพที่วาดโดยใช้สารสีแดงและดำเป็นภาพวาดสัตว์ต่าง ๆ เช่น ม้า, แรด, สิงห์โต, ควาย, ช้างแมมมอธ, และมนุษย์ที่อยู่ในท่วงท่าล่าสัตว์
Digital Painting จุดหักเหกับการปฎิวัติการวาดรูปที่ไม่ใช่บนเพียงผืนกระดาษ
Digital Painting (ดิจิทัล เพนท์ติ้ง) คือเทคนิคการผสมผสานระหว่างศิลปะยุคใหม่ซึ่งรวมไปถึงการวาดรูประบายสี โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์ดิจิทัล เช่นคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเบล็ต และสไตลัส (stylus) หรือ เมาส์ปากกา (tablet pen) ควบคู่กับซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการวาดรูปต่าง ๆ ซึ่งจะมีการใช้เครื่องมือที่เรียกว่าบรัช (Brush) ที่จำลองการใช้งานอุปกรณ์วาดรูปเหมือนวิธีปกติจากปลายพู่กันหรือเเทนที่ดินสอ ปากกา ดินสอสี หัวแปรงต่างๆ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ คือหนึ่งในศิลปะประเภท Digital Art ที่มีการครอบคลุมถึงการออกแบบ งานกราฟฟิค งานอนิเมชั่น และงานประเภทมีเดียต่าง ๆ
Digital Artists คือศิลปินที่สร้างผลงานผ่านศิลปะในรูปเเบบของดิจิตอลเนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่าในระยะยาว เพราะซื้ออุปกรณ์เพียงครั้งเดียว เช่นคอมพิวเตอร์ เมาส์ปากกา หรือบางคนอาจจะวาดผ่าน iPad และ Apple Pencil โดยไม่จำเป็นต้องซื้อกระดาษ หรือหัวแปรงขนาดต่าง ๆ อีกทั้งระบบสีแบบดิจิทัลทำให้ศิลปินนั้นเลือกสีเฉดใด (Pantone) ใด ๆ ก็ได้บนโลกโดยไม่ต้องมานั่งผสมเเม่สีเองบนแผ่นรองหรือจานผสมสีให้เลอะเทอะเหมือนการวาดบนกระดาษ
เทคโนโลยีในยุคดิจิตอลกำลังเปลี่ยนโลกแห่งจิตรกรรมอย่างไร
เทคโนโลยีเเบบดิจิทัล เพนท์ติ้ง จะทำให้การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจิตรกรรมได้อย่างรวดเร็วและประหยัดเวลามากขึ้น ซึ่งมักจะใช้ในอุตสาหกรรมที่มีสเกลขนาดใหญ่เช่น เกมส์ หรือ ภาพยนตร์ เพราะว่าสามารถปรับเปลี่ยนสี ทั้งภาพได้ผ่านซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการวาดรูป ไม่จำเป็นต้องลงทุนวาดใหม่ทั้งหมดเพื่อปรับเฉดสี อีกทั้งยังสามารถวาดทับ ลบ แก้ไขบางจุดด้วยบรัชที่มีได้มากเท่าที่ต้องการ ส่วนขนาดของไฟล์ที่ใช้ทำงานนั้นก็สามารถจะสร้างได้ใหญ่เท่าที่ต้องการโดยเพียงการวาดบนหน้าจอเล็กๆ เเต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเพราะบนโลกใบนี้ยังไม่มีซอฟท์แวร์หรือแอปลิเคชั่นวาดรูปตัวไหนที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเเละอารมณ์เเบบจับต้องได้เเบบเดียวกับการวาดจิตรกรรมลงบนผืนกระดาษ
5 ตัวอย่างชื่อ ซอฟเเวร์ที่เหล่า Digital Aritist ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจ
- Corel Painter โปรแกรม Corel Painterเป็นแอปลิเคชันที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองการอย่างถูกต้องที่สุดมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในเเบบเรียลไทม์
- Adobe Photoshop คือ โปรแกรมแต่งรูป (Photo Editing Software) ที่ให้คุณได้สามารถออกแบบและตกแต่งรูปภาพได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสิ่งพิมพ์ หรือภาพสำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ นิตยสาร และงานด้านมัลติมีเดีย อีกทั้งยังสามารถ retouching ตกแต่งภาพและการสร้างภาพ โดยใช้โปรแกรม Photoshop ในการตกแต่งภาพ ใส่ Effect ต่าง ๆ ให้กับวาด เช่น สร้างตัวหนังสือ ทำภาพขาวดำ ทำภาพถ่ายเป็นภาพเขียน การนำภาพมารวมกัน การ Retouch ตกแต่งภาพต่าง ๆโปรแกรมโฟโตชอปเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในจัดการไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้ได้ในการตัดต่อภาพ และการซ้อนฉากหลัง ซึ่งสามารถจัดเก็บคุณลักษณะพิเศษของไฟล์ที่เป็นของโฟโตชอปโดยเฉพาะ (.PSD) เช่น เลเยอร์, ชันแนล, โหมดสี รวมทั้งสไลส์ ได้อย่างครบถ้วน
- ArtRage เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแก้ไขกราฟิกบิตแมป ซึ่ง Bitmap หรือภาพเเบบราสเตอร์ (Raster) คือภาพที่เกิดจากจุดสีที่เรียกว่าพิกเซล (Pixel) ซึ่งประกอบกันเป็นรูปร่างบนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นเส้นตารางกริด(Grid) ภาพหนึ่งภาพจะประกอบด้วยพิกเซลหลาย ๆ พันล้านพิกเซลรวมกันเเต่เนื่องด้วยขนาดของพิกเซลมีขนาดเล็กมาก ๆ เราจึงเห็นภาพใหญ่ ภาพรวมที่เป็นภาพที่ประกอบขึ้นอย่างสวยงามชัดเจน อย่างไรก้อตามภาพที่ประกอบขึ้นจากพิกเซล จะต้องขึ้นอยู่กับความละเอียดหรือความคมชัด (Resolution) ด้วยดังนั้นหากภาพที่มี Resolution ต่ำ เมื่อเราทำการขยายภาพจะเกิดปัญหาคือเห็นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมเล็กหลาย ๆ จุดในภาพหรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าภาพเเตกนั้นเอง แอปพลิเคชั่นนี้สร้างและพัฒนาโดย Ambient Design Ltd. สามารถใช้งานได้ทั้งในคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยปรับให้ภาพดูมีความสมจริงมากขึ้น
- GIMP (GNU Image Manipulation Program) เป็นโปรเเกรมเเก้ไขกราฟฟิกเเรสเตอร์เเบบโอเพ่นซอร์สฟรี ใช้สำหรับการจัดการภาพ(รีทัช)เเละการเเก้ไขภาพ การวาดรูปเเบบฟรีสไตล์ การเเปลงรหัสระหว่างรูปเเบบไฟล์ภาพต่าง ๆ
- CANVA เป็นแอปพลิเคชั่น สามารถสร้างสื่อการนำเสนอรูปแบบต่าง เช่น Presentation, Poster, Card, Resume,Certificate, Infographic เป็นโปรเเกรมสำเร็จรูปมาตราฐานที่ใช้งานได้ง่ายเเละสวยงามเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการสร้างสรรค์ชิ้นงานเเต่ยังหาไอเดียที่เหมาะสมไม่ได้ เพราะมีรูปเเบบเทมเพลตให้คุณเลือกใช้นับพันรายการสามารถเลือกได้ว่าผลงานที่ได้จะนำไปใช้ในโซเชี่ยวมีเดียช่องทางไหนด้วยอเช่น Facebook หรือ Instragram เเละสามารเลือก scale ของผลงานที่อยากได้เช่น 16:9 สามารถลองใช้งานได้ฟรีหรือสามารถสมัครสมาชิกจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้มีคุณรูปเเบบตัวเลือกเทมเพลตที่หลากหลายมากขึ้น
จิตรกรรม วิธีใหม่ในการลดความเครียด ศาสตร์เเห่งการฝึกสมาธิเเละการบำบัดจิตใจ
Mandala (แมนดาลา) ศิลปะแห่งความสมดุลของจักรวาล! Mandala ในภาษาสันสกฤตแปลว่า
“วงกลม” ซึ่งจุดเริ่มต้นของงานศิลปะภาวนา Mandala เกิดในประเทศทิเบต เป็นพิธีกรรมที่ทำสืบต่อกันมายาวนานหลายร้อยปี โดยพระชาวทิเบตจะนำทรายหลากสีมาโรยเป็นผลงานศิลปะในวงกลมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยจะใช้เวลานานหลายวัน และเมื่อทำเสร็จ จะเป่าทรายที่ทำไว้ทิ้งไป ซึ่งเป็นหลักการสอนธรรมะอย่างหนึ่ง ให้ลดการยึดติด ใน รูป รส กลิ่น เสียง
ปัจจุบัน Mandala ถูกนำมาใช้บำบัดเกี่ยวกับเรื่องสภาวะอารมณ์ในคนทุกเพศทุกวัย มีหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นวงกลม เช่นการเรียงใบไม้ ดอกไม้ การวาดภาพระบายสี สิ่งภาพรวมที่ออกมาทุกด้านจะเท่ากัน และสอดรับภายใต้วงกลมเดียวกัน ช่วยในการสำรวจตนเอง รู้จักตนเอง ปรับสมดุลให้กับชีวิตสร้างสมาธิ เยียวยาอารมณ์ ทำให้จิตใจเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่สำคัญคือ ช่วยลดความเครียดภายในจิตใจได้อีกด้วย
ลองดู ตัวอย่างเทคโนโลยีเเละไอเดียธุรกิจสุดล้ำ ที่มาจากโลกสร้างสรรค์เเห่งจิตรกรรม
NFT หรือ Non-Fungible Token คือการเปลี่ยนงานศิลปะหรือผลงานต่าง ๆ จากออฟไลน์ มาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เรียกได้ว่าเป็น ธุรกิจการซื้อขายเเละสะสมงานศิลปะเเบบดิจิติลเป้าหมายใหม่ของนักสะสมศิลปะ หรืองานจิตรกรรม มีข้อดีตรงที่ทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสการขายงาน และเพิ่มมูลค่าให้งานชิ้นนั้นได้แม้เราจะไม่ใช่ศิลปินที่โด่งดัง NFT เปรียบเหมือนกับงานศิลปะบนโลกดิจิตอล เเละเรียกได้ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิตัลเเบบหนึ่งที่เหมือนกัน Cyptocurrency หรือสกุลเงินดิจิตอล เเต่ต่างกันที่ ไม่มีอะไรมาทดเเทน NFT ได้ เพราะว่างานศิลปะนั้น ๆ ต่อให้มีคนขโมยไปหรือพยายามที่จะเลียนเเบบ copy เเต่ไม่มีวันเหมือนกับผลงานที่เป็นต้นฉบับ ฉะนั้นจึงไม่สามารถทำ NFT ไปทำเลียนเเบบหรือนำ NFT ใช้ในการซื้อสินค้าอื่นได้ ยกตัวอย่างคุณอาจจะใช้ Bitcoin (สกุลเงินดิจิตัวชนิดหนึ่ง) ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ต่างๆได้เเต่ NFT ไม่สามารถทำไปเเปลงหรือซื้อสินค้าได้ อีกทั้ง งาน NFT เป็นงานที่สามารถตรวจสอบผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในงานได้อีกด้วย เเละมูลค่าจะไม่สูญหายไปตามเวลา ผู้ที่ถือครองต้องเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้เรายังสามารถนำ NFT ออกประมูลได้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นแรร์ไอเทมหรืองานที่หายากก็จะดึงดูดให้คนอยากได้และต้องสู้ราคากัน เป็นการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลอีกหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ คนที่ซื้อ-ขายงาน NFT จึงไม่ได้มีแค่ศิลปินหรือนักสะสมเท่านั้น แต่ยังมีนักลงทุนหลายคนที่ตั้งใจเข้ามาซื้อเก็งกำไร แล้วนำไปขายต่อให้ผู้ที่สนใจได้ในราคาสูงขึ้น เนื่องจากงาน NFT หลายชิ้น เป็นคอลเล็กชั่นพิเศษ หรือของหายากที่มีคุณค่าและมูลค่าสูงในกลุ่มนักสะสม การมาของ NFT ที่นำ Creative Industry เข้าสู่โลกของ Blockchain นั้นได้รับความสนใจจากทั่วโลก เเละมีเเนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Chainalysis พบว่าในปี 2021 มีมูลค่าอย่างน้อย 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
ส่องผลงาน NFT 10 อันดับ ที่เเพงที่สุดในโลก ! (ข้อมูลอัปเดต เดือน ก.พ. 2022)
อันดับที่ 10. Save Thousands of Lives – 5.23 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้เป็นผลงานของ Noora Health เป็นผลงานที่ได้มีการขายไปในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งการขายงานนี้มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินช่วยเหลือกองทุนช่วยเหลือคุณแม่และเด็กในโรงพยาบาล
อันดับที่ 9.Stay Free – 5.27 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในผลงานหายากที่สุดในวงการ NFT โดยผลงานนี้เป็นรายงานเอกสารพิจารณาคดีความของศาลอุทธรณ์ต่อ Edward Snowden ผู้เปิดโปงความลับชื่อดังที่ได้มีการออกมาแฉเกี่ยวกับการที่หน่วยงานของสหรัฐอเมริกาได้แอบทำการสอดส่องประชาชน
อันดับที่ 8. World Wide Web Source Code – 5.4 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้เป็นของ Sir Tim Berners Lee ผู้ก่อตั้ง World Wide Web (www.) โดยเขาได้ตัดสินใจที่จะนำโค้ดนี้ไปวางขายในตลาด NFT ในฐานะที่เป็นโค้ดต้นฉบับที่ทรงพลังที่สุดของวงการอินเทอร์เน็ต
อันดับที่ 7. CryptoPunk #5217 – 5.59 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้เป็นหนึ่งในผลงานในเครือของ Ape punk หมายเลข #5217 ถือเป็นอีกผลงานหนึ่งที่หายากและน่าสะสมสำหรับสาย NFT
อันดับที่ 6. Ocean Front – 6 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้มาจากศิลปินที่ชื่อ Mike Winkelmann โดยผลงานชี้นนี้ต้องการสื่อสารให้สังคมรับรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงในโลกของสังคมและโลกที่เป็นอยู่ในเวลานี้
อันดับที่ 5. Crossroad – 6.66 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาในเวลานั้นพ่ายการเลือกตั้ง
อันดับที่ 4. CryptoPunk #3100 – 7.51 ล้านดอลลาร์ ผลงานสาย CryptoPunk ยังคงติดอันดับงานศิลปะที่แพงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยผลงานนี้เป็นลักษณะเหมือนกับเอเลี่ยนที่มีการขายออกไปในช่วงเดือนมีนาคมปี 2022 ที่ผ่านมา
อันดับที่ 3. CryptoPunk #7804 – 7.56 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้มีความคล้ายคลึงกับหมายเลข #3100 ก่อนหน้านี้ โดยเจ้าของผลงานที่อยู่เบื้องหลังนี้ก็คือ Dylan Field ซีอีโอบริษัท Figma ซึ่งถูกขายไปในช่วงเดียวกัน
อันดับที่ 2. CryptoPunk #7523 – 11.8 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นรูปเอเลี่ยนใส่หน้ากากอนามัย และไม่ต้องสงสัยว่า กระแสโควิดนี้ทำให้งานศิลปะชิ้นนี้มีมูลค่าสูงอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในสาย CryptoPunk
อันดับที่ 1. Everydays : The First 5000 Days – 69.3 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้เป็นการรวบรวมผลงาน 5,000 ชิ้นของ Beeple ที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลงานที่เขาได้ใช้เวลาทำทุก ๆวัน มากถึง 5,000 วันด้วยกัน โดยผลงานแรกของเขาเริ่มขึ้นในปี 2007 และหลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาวาดรูปในแต่ละวันจนสามารถวาดเสร็จถึง 5,000 ชิ้น และกลายเป็นงาน NFT ที่แพงที่สุดในเวลานี้
ศิลปะสายมู เสริมดวงปัง ๆ เเบบเร็วทันใจ กับศิลปะในยุคดิจิตอล ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหน เรียกว่าเรื่อง “มูเตลู” อยู่คู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด เช่น บริการออกแบบวอลเปเปอร์ (Wallpaper) ตามแต่บุคคล เพียงบอกความต้องการ ให้วันเดือนปีเกิด ร้านต่าง ๆ ก็จะจัดเรียงไพ่ต่าง ๆ จากคำทำนาย ออกมาเป็นวอลเปเปอร์เฉพาะเราคนเดียว ให้ตั้งค่าใช้เสริมความปัง ลงบนมือถือ ซึ่งเชื่อว่า ณ.ตอนนี้คนที่อ่านบทความนี้อยู่ ก้อมี Wallpaper มูเตลูเเบบปังใช้อยู่ หรืออย่างน้อยจะต้องมีสัก 1 รูป เซฟใส่มือถืออยู่เเน่นอน หรือ สักลายมือเปลี่ยนชีวิต จะมีการสักตั้งเเต่เพิ่มลายเส้นที่มีอยู่เเล้วให้ดียิ่งขึ้นหรือจะสักลงลวดลายไปที่ฝ่ามือเพื่อเสริมความปังจากลวดลายเหล่านั้นทั้งด้านการเงินความรักหรือวาสนา ที่สำคัญค่าสักในเเต่ละครั้งนั้นราคาเเรงไม่ใช่เล่น ๆ จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าการตลาดของสินค้าเเละการบริการให้มีความน่าสนใจเเละเเปลกใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ช่างภาพนักสร้างคอนเทนต์ สื่อโฆษณาในการทำเเบรนด์สินค้า โดยใช้หลัก Golden Ratio
ศิลปะการออกเเบบโลโก้สินค้าที่ใช้ศิลปะจิตรกรรมที่เรียกว่าเทคนิคสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) เป็นสิ่งที่นักออกแบบควรรู้ ศิลปะการสร้างสรรค์จิตรกรรมสัดส่วนทองคำมาจากการคำนวนทางคณิตศาสตร์เพื่อทำให้งานออกแบบมีสัดส่วนที่งามตามสูตรคำนวณที่คิดค้นโดย เลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี ที่ใช้ตัวเลขทางคณิตศาสตร์มาอธิบายความงามงดงามของธรรมชาติ อัตราส่วนของสัดส่วนทองคำจะเท่ากับ 1 : 1.618 สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้จากทุกรูปทรงเรขาคณิตไม่จำเป็นจะต้องเป็นสามเหลี่ยมเท่านั้น เเละมีอยู่ในทุกที่เเค่คุณไม่ได้สังเกตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้ สัตว์ ใบหน้ามนุษย์ งานศิลปะระดับโลก หรือ แม้กระทั้งสถาปัตยกรรมดัง ๆ นั้นก็ล้วนแฝงไปด้วย สัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) ทั้งนั้น
ใน โลโก้ของแบรนด์ดัง ๆ ต่างก็ใช้ สัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) กันทั้งนั้น เพราะว่าสัดส่วนทองคำจะทำให้โลโก้ดูมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์และสามารถใช้ไปได้อย่างยาวนานหรือเเม้เเต่ ในงาน Web และ Print Ads ก็ยังแฝงอยู่ด้วยตลอด หากคุณลองสังเกตให้ดี ๆ
สื่อโฆษณาเเบบหลายมิติ (Multi Dimension Adverstisement)
Impact ที่สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับวงการโฆษณา จะดีขนาดไหนถ้าหากใบปลิวเเสนธรรมดาที่เรียบง่ายเเผ่นเดียวสามารถเปลี่ยนมาเป็นเเขนที่ราวกับว่าจะมาสัมผัสตัวคุณได้ เเละยังให้คุณได้กลิ่นจากผลงานจิตรกรรมนั้น ๆ อีกด้วย?
ธุรกิจสุดปังการถ่ายภาพในสต็อก
แทนที่จะว่าจ้างช่างภาพให้ถ่ายภาพทั้งหมดและจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะเกิดอะไรขึ้นหากมีวิธีที่อนุญาตให้ผู้คนซื้อสิทธิ์ในการใช้ภาพถ่ายที่มีอยู่แล้ว? สมมติว่าช่างภาพคนหนึ่งสร้างภาพชุดหนึ่งสำหรับงานโฆษณาไปเเล้วเเต่ แทนที่จะทิ้งภาพเหล่านั้นไปโดยเปล่าประโยชน์เเต่คนเหล่านั้นนำภาพดังกล่าวกลับมาขายให้คนอื่น ๆได้ใช้งาน ผู้ซื้อสามารถประหยัดเงินได้โดยการซื้อภาพที่ถูกถ่ายไว้แล้ว และทั้งช่างภาพและผู้จัดจำหน่ายก็ได้รับเงินตอบแทน เรียกเงินจากการถ่ายภาพสต็อก เพื่อใช้ในการสร้างเเบรนด์สินค้าเเละภาพเพื่อการโฆษณา เป็นภาพสำเร็จรูปคุณภาพสูงที่พร้อมให้ลูกค้าทั่วโลกใช้งานได้ผ่านการออกใบอนุญาต สำหรับแบรนด์และสิ่งพิมพ์ ยกตัวอย่างชื่อ แพลตฟอร์ม เช่น Shutterstock, BigStock เเละ Offset ทำให้การค้นหาข้อมูลและการซื้อภาพออนไลน์กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย สำหรับช่างภาพนี่คือโอกาสใหม่ ๆ ในการทำรายได้จากผลงานของพวกเขาและเป็นใบเบิกทางเข้าสู่อุตสาหกรรมงานจิตรกรรมในยุคดิจิตอลเเเบบไม่ต้องออกเเรงให้เหนื่อยอีกด้วย
Interactive Museums
แปลงโฉมพิพิธภัณฑ์ให้เต็มไปด้วยประสบการณ์มหัศจรรย์ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนในการสร้างบรรยากาศที่สมจริงผ่านภาพและวิดีโอแบบรอบทิศทาง ให้แอนิเมชันเล่าเรื่อง ใช้สื่อผสมระบบโต้ตอบคำสั่งด้วยตนเอง เพื่อเป็นอิสระแห่งการเรียนรู้ เพราะงาน
เเสดงภาพจิตรกรรมที่ติดที่ผนังกำเเพงมันดูน่าเบื่อเกินไปเเล้ว ด้วยเทคโนโลยีปฏิสัมพันธ์บนจอขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับกราฟิกแอนิเมชัน เพิ่มความน่าสนใจ ให้เกิดการรู้จักสินค้าและบริการของคุณได้ จำลองรูปภาพเเบบ 3 มิติที่สามารถโต้ตอบความนึกคิดของคุณได้อย่างน่าอัศจรรย์เเละตื่นเต้น!
18+ กับธุรกิจศิลปะจิตรกรรมขายภาพเรือนร่างบนโลกออนไลน์ OnlyFan ทำเงินสุดปัง มีจริง!
OnlyFan คือ โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มหนึ่งที่เปิดให้ผู้คนมาสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง (เรียกคนกลุ่มนี้ว่าครีเอเตอร์) ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือคลิปวิดีโอ แล้วอัพโหลดขึ้นบนแพลตฟอร์มเเบบสุดวาบหวิว 18+ ซึ่ง ‘แฟน ๆ’ (Fan) ที่สนใจรับชมอาจต้องทำการ Subscription หรือสมัครสมาชิกแล้วจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน เพื่อปลดล็อกให้สามารถรับชมคอนเทนต์ สุดวาบหวิวนี้ รวมถึงสามารถส่งข้อความพูดคุยกับครีเอเตอร์ได้ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้อย่างงามในยุคดิจิตอลเเห่งโรคโคโรน่าไวรัสที่คนหันมาใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากขึ้น
บทสรุป
เเน่นอนอนาคตของจิตรกรรม หรือธุรกิจ Painting เเบบธรรมดานั้นจะถูกเเปลงโฉมไปให้ทันสมัยต่อเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งมากขึ้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จิตรกรรมเเบบ 2 มิติในอนาคตอาจมีเเนวโน้วที่จะหายไปจากวงการศิลปะ เเต่ความคลาสสิคของจิตรกรรม 2 มิติ ก้อยังคงอยู่นิรันดร์ ตลอดไปเนื่องจากว่าไม่มีเทคโลโลยีบนโลกเสมือนจริงใด ๆ ที่จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์เเละความรู้สึกได้เท่าเทียมกับงานจิตรกรรม เเต่อย่างไรก้อดี คนที่มียอมรับการเปลี่ยนเปลงเเละสามารถเปลี่ยนเเปลงได้ย่อมเป็นผู้ชนะในโลกธุรกิจเสมอ หากคุณเป็นอาร์ทติสมือหนึ่งของโลกเเต่คุณไม่มีการปรับตัวเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีของศิลปะการวาดภาพหรือจิตรกรรมเเบบดิจิตัล คุณเป็นผู้หลงทางเเน่นอน เพราะว่า ธุรกิจจิตรกรรมเเบบดิจิตอลสามารถทำเงินได้กำไรที่มากมายมหาศาล เข้าถึงได้เร็วกว่า เเละ มี เเนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเเบบก้าวกระโดดเเบบชนิดที่เรียกว่า จิตรกรรมเเบบธรรมดา วิ่งตามไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อรู้เเบบนี้เเล้ว อาร์ทติสเช่นคุณควรที่จะเริ่มต้นเเละหัดเรียนรู้วิธีการสร้างศิลปะจิตรกรรม เเบบดิจิตอลเพื่อรองรับความต้องการที่กำลังปรับเปลี่ยนไปในโลกอนาคต หากเปรียบเทียบงานศิลปะจิตรกรรม บนผืนภาพใบ เเน่นอนผลงานจิตรกรรมนั้นย่อมมีการชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเเต่ งาน Digital Printing จะทิ้ง Digital Footprint ที่จะคงอยู่ตลอดไป เเละไม่มีวันสูญหายไปตามกาลเวลาเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ทำเงินให้คุณในระยะยาวได้อย่างเเน่นอน