เครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่ภาษาอังกฤษ
ธุรกิจขายเบเกอรี่ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเมืองที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นอาหารที่สามารถหาซื้อทานได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเช้า ที่หลายคนต้องเร่งรีบออกไปทำงาน และต้องการอาหารขนาดพอเหมาะทาน อย่างที่เราเห็นว่ามีร้านป๊อปอัพเบเกอรี่มากมายตามแนวรถไฟฟ้า หรือเป็นซุ้มร้านค้าตามอาคารสำนักงานต่าง ๆ เพราะเป็นร้านค้าที่โปรดปรานของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศ ซึ่งมักจะขายพร้อมกับเครื่องดื่มอย่างกาแฟร้อนในช่วงเช้า และเครื่องดื่มเย็นดับร้อนยามบ่ายของคนเมือง
คุณมีงานอดิเรกหรือกิจกรรมยามว่างเป็นการทำขนมหรือเบเกอรี่อยู่หรือเปล่า? สนใจที่จะหารายได้เสริมด้วยการลองเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเองดูไหม? เริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของคุณเองได้ตั้งแต่วันนี้ โดยใช้เครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่ของเราเป็นตัวช่วยในการตั้งชื่อร้านเบเกอรี่เก๋ ๆ ให้กับคุณ ซึ่งทำได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยว่า ขั้นตอนในการตั้งชื่อธุรกิจเบเกอรี่ภาษาอังกฤษด้วยเครื่องมือของเรา ต้องทำอย่างไรบ้าง
ขั้นตอนการตั้งชื่อร้านเบเกอรี่ภาษาอังกฤษ ด้วยเครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่จาก Business Name Generator
1. คิดคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านเบเกอรี่ของคุณ
ก่อนที่จะตั้งชื่อร้านขึ้นมาได้ ก็ต้องเริ่มจากไอเดียคำหรือคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจกันก่อน โดยอาจเริ่มจากการค้นหาข้อมูลออนไลน์ หรือศึกษาชื่อของคู่แข่งหรือร้านเบเกอรี่ที่อยู่ตามท้องตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศเป็นแนวทางก่อนก็ได้ อย่างถ้าเรามาดูกันที่คำพ้องความหมายของคำว่า bakery ในภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่น boulangerie, patisserie เป็นชื่อร้านเบเกอรี่และขนมสไตล์ฝรั่งเศส หรือจะเป็นคำว่า pastry, bake, cake, biscuit, creamery แล้วอาจใส่คำว่า factory, house, shop หรือ kitchen เพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้
คำที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็อย่างเช่น baked-goods, dough, loaf, malt, flour, sweet, sourbread, wheat, brown, bun, roll, sourdough, toast, whole-grain, bread and butter และ breadstuff เป็นต้น และเมื่อคุณรวบรวมคำศัพท์เข้าคลังได้ประมาณหนึ่งแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนต่อไปได้
2. ใส่คีย์เวิร์ดลงไปในเครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่
จากนั้นให้นำคีย์เวิร์ดที่เตรียมไว้ก่อนหน้า มาใส่ในเครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่จาก Business Name Generator ซึ่งอยู่ด้านบนดู จากนั้นให้คลิกสร้าง แล้วระบบก็จะเสนอชื่อร้านเบเกอรี่หลายร้อยรายการให้กับคุณ ทีนี้คุณก็สามารถเลือกดูได้เลยว่ามีชื่อไหนโดนใจบ้าง ก็กดดาวเก็บไว้เป็นรายการโปรดของคุณได้เลย
ตัวอย่างชื่อร้านเบเกอรี่ที่น่าสนใจ
- Raw Wheat
- Golden Flour
- Grandma’s Homemade Bread
- Nature’s Gifts Bakery
- Bread & Butter
- Piece of Cake
- Right From Oven
- Just Baked
- Golden Crust
- Cinnamon Rolls
- Pure Bread
- Cake Time
- Cake Corner
- Grateful Bread
- Snackly
- Gluten-Free Escape
- Chocolate Cream
- Tasty Time
- Harvest Bakery
- Make Your Cake
- Retreat Boulangerie
- Pastry Chew
- Bake Daytime
- Creamery Land
- Baked Addict
- Bun Bash
- Dough Daily
- Loaf & Roll
- Wheat Palette
- Brown Barn
- Hearty Butter
- Malt Dome
- Dough Boost
- Sweet and Flour
- Sweety Roll
3. ตัดตัวเลือกให้เหลือน้อยลง
เมื่อค้นหาไปได้สักพัก และได้ชื่อที่เข้าตามาบ้างแล้ว ก็ลองนำมาพิจารณาว่ามีชื่อไหนบ้างที่เป็นที่จดจำได้ง่าย อ่านออกเสียงไม่ยากจนเกินไป ซ้ำกับคู่แข่งบ้างหรือไม่ สื่อความหมายของแบรนด์ได้หรือเปล่า แล้วค่อย ๆ ตัดชื่อที่คิดว่ายังไม่ใช่ออก
โดยอาจจะขอความเห็นจากคนในทีมหรือคนอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคต เพื่อสำรวจความเห็นว่า ชื่อไหนที่ได้รับความนิยมและเข้าตาคนหมู่มากบ้าง พร้อมคัดสรรให้เหลือแต่ชื่อที่น่าสนใจจริง ๆ เท่านั้น
วิเคราะห์ชื่อร้านเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียงทั้งของไทยและต่างประเทศ
- Yamazaki Baking
Yamazaki Baking เป็นบริษัทขายเบเกอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ขยายสาขาทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น และมาถึงในไทยเราด้วย บริษัทมักจะเลือกตั้งร้านอยู่ในห้างสรรพสินค้าโซนเดียวกับซูเปอร์มาร์เก็ต โดยได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ ด้วยเมนูพิเศษที่คิดค้นขึ้นโดยเฉพาะสำหรับประเทศนั้น ๆ ด้วย ร้านใช้คำว่า Baking เป็นคีย์เวิร์ดหลัก ส่วนคำว่า Yamazaki เป็นชื่อเฉพาะของคนญี่ปุ่น ทำให้ร้านเบเกอรี่ยังเป็นที่จดจำในฐานะร้านเบเกอรี่จากญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี โดยร้านในไทยใช้โดเมนเว็บไซต์ดังนี้ yamazaki.co.th
- BreadTalk
Breadtalk ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของธุรกิจเบเกอรี่ที่ประสบความสำเร็จในไทยเช่นกัน โดยเป็นธุรกิจที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ในปี ค.ศ. 2000 มีสาขาทั้งในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง จีน ไทย และไม่นานมานี้ที่อินเดียด้วย บริษัทตั้งชื่อร้านเช่นเดียวกับชื่อบริษัท โดยเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่สื่อถึงสิ่งที่ธุรกิจเกี่ยวข้องอย่าง Bread และเพิ่มคำว่า Talk เข้าไป กลายเป็นชื่อที่ไม่ยาวจนเกินไป จดจำได้ง่าย และสื่อได้ว่าเป็นชื่อของร้านเบเกอรี่ด้วย ชื่อเว็บไซต์ Global คือ breadtalk.com ส่วนเว็บไซต์สาขาในไทยใช้เป็น breadtalkthailand.com
- Bake a wish
ร้านเบเกอรี่ร้านนี้ตั้งชื่อด้วยการเล่นคำมาจากคำว่า Make a wish การขอคำอธิษฐาน แล้วเปลี่ยนคำว่า Bake มาเป็นคำว่า Bake แทน กลายเป็นชื่อที่คล่องปาก แถมเป็นที่จดจำได้ง่ายอีกด้วย ประกอบกับการที่ร้านขายทั้งเค้ก ขนม และเบเกอรี่ ชื่อก็ช่วยส่งเสริมการขายเค้กของทางร้านได้เป็นอย่างดี ทำให้ร้าน Bake a wish เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งชื่อที่ครีเอท และรสชาติของเบเกอรี่ของทางร้านที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นและถูกใจคนไทยมาก ๆ
- S&P Bakery
ร้านเบเกอรี่ของไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน กับเอกลักษณ์ของแพ็คเกจขนมต่าง ๆ เช่นคุ้กกี้ ที่เลือกใช้วัสดุที่ดี พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนลวดลาย เพื่อเชิญชวนให้นำแพ็คเกจกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้ง ทั้งขนมหวานแบบไทย ๆ ที่มีการนำมาขายตามหน้าร้าน รวมทั้งเบเกอรี่ และขนมปังอีกหลากหลายรูปแบบให้เลือกในราคาที่จับต้องได้ โดยชื่อของ S&P นั้นมาจากตัวอักษรย่อของผู้ก่อตั้งบริษัท และใส่คีย์เวิร์ดหลักอย่าง Bakery เข้าไปเพื่อบ่งบอกถึงประเภทของร้าน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ร้านก็ได้ขยับขยายจนเริ่มมีการขายเครื่องดื่มและอาหารควบคู่ไปด้วยแล้ว
- Forest Bake
ร้านเบเกอรี่บรรยากาศชวนฝันที่เหมือนชวนคุณหลุดเข้าไปในบรรยากาศของป่าในเทพนิยาย Forest Bake เป็นเบเกอรี่ที่มีทั้งสาขาที่เชียงใหม่และกรุงเทพ กับเมนูเค้กและเบเกอรี่ที่โดดเด่นด้วยรสชาติของความสดใหม่ พร้อมการตกแต่งที่สวยงามราวกับชิ้นงานศิลปะ และการันตีว่าเบเกอรี่ของทางร้านอบสดใหม่ทุกวันโดยไม่ใส่สารเคมีใด ๆ โดยร้านเลือกใช้คำว่า Bake เป็นคีย์เวิร์ดหลัก เสริมด้วยคำที่เหมาะกับบรรยากาศและการตกแต่งเบเกอรี่ของทางร้านอย่าง Forest ด้วยชื่อที่มีความแตกต่างและโดดเด่นเช่นนี้ จึงสามารถใช้นามสกุลเว็บไซต์ .com ได้อย่างลงตัวเป็น https://www.forestbake.com/
การวิเคราะห์ชื่อร้านเบเกอรี่อื่น ๆ ช่วยให้เราเห็นว่า ร้านเบเกอรี่ที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางธุรกิจนั้นมีชื่อว่าอะไรบ้าง แล้วชื่อส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างไร อย่างที่เห็นได้ว่า แต่ละร้านมีการนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับกับธุรกิจที่พวกเขาทำมาใช้เป็นคีย์เวิร์ดหลัก และพวกเขาไม่ตั้งชื่อธุรกิจที่ยาวจนเกินไป เพื่อให้เป็นที่จดจำได้ง่าย มีการเล่นคำ และพยายามใส่ความสร้างสรรค์หรือความเป็นตัวของตัวเองลงไปในชื่อด้วย
นอกไปจากชื่อแล้ว การศึกษาเรื่องราวและประสบการณ์ด้านธุรกิจของผู้ที่ผ่านมาก่อน จะทำให้คุณสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ เพื่อคอยระแวดระวังปัญหาหรืออุปสรรคที่พวกเขาเคยเจอ และสามารถนำเคล็ดลับที่พวกเขาใช้มาปรับเปลี่ยนสำหรับธุรกิจของคุณได้เช่นกัน
4. ตรวจสอบว่ายังมีชื่อโดเมนว่างอยู่ไหม?
หากคุณเลือกใช้เครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่ของเราเป็นตัวช่วยในการคิดค้นชื่อธุรกิจของคุณ ก็จะสามารถตรวจสอบได้ในทันทีเลยว่า ชื่อนั้นมีนามสกุลเว็บไซต์ไหนบ้างที่ยังว่างอยู่ ไม่ว่าจะเป็น .com, .co, .org, .net เป็นต้น หากชื่อนั้นยังไม่ได้ถูกนำไปจดโดเมน ก็มีโอกาสสูงมากว่าชื่อนั้นยังไม่ได้มีการนำไปจดเป็นชื่อเครื่องหมายทางการค้า หรือชื่อบริษัทมาก่อน
หากคุณมั่นใจแล้วว่าอยากจะใช้ชื่อใดชื่อหนึ่งเป็นชื่อธุรกิจร้านเบเกอรี่ของคุณจริง ๆ ก็ลองไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ipthailand.go.th/th/trademark ก่อนว่าชื่อนั้นถูกนำไปจดทะเบียนขึ้นเป็นเครื่องหมายทางการค้าไปแล้วหรือยัง และถ้ายัง คุณก็จะได้สามารถใช้ชื่อนั้นเป็นชื่อธุรกิจร้านเบเกอรี่ของคุณเองได้ในอนาคต และพร้อมนำไปจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายทางการค้าของบริษัทคุณเองได้ด้วย
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้อีกครั้งว่า ชื่อธุรกิจที่ดีควรเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย โดยอาจใช้เป็นเทคนิคสัมผัสสระหรืออักษรช่วยก็ได้ ตัวอย่างเช่น Bread & Butter และ Make Your Cake เป็นต้น พยายามใส่ความสร้างสรรค์ลงไปในการคิดชื่อ คิดค้นคำใหม่ ๆ มาทดแทนคำเดิม ๆ ที่อาจธรรมดาไปหรือถูกนำไปใช้เยอะแล้ว ตัวอย่างเช่น Harvest Bakery ที่เลือกใช้คำว่า Harvest ที่แปลว่าเก็บเกี่ยวแทนคำว่า Wheat ตรง ๆ เป็นต้น คิดค้นชื่อธุรกิจที่ทำให้คุณแตกต่าง เริ่มจากการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ปลดปล่อยจินตนาการของคุณ ผสมคำที่ได้มาเข้าด้วยกัน หรือจะใช้เครื่องมือตั้งชื่อร้านเบเกอรี่จาก Business Name Generator เป็นตัวช่วยคิดค้นชื่อธุรกิจที่น่าสนใจหลากหลายรายการให้กับคุณอีกแรงด้วยก็ได้ โดยเลือกชื่อที่สะกดคำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากจนเกินไปเพื่อป้องกันความสับสน พร้อมทั้งสอบถามความเห็นจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณด้วยว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับชื่อเหล่านั้น และหากคุณเจอชื่อที่น่าสนใจ ก็ให้ตรวจสอบความหมายของคำศัพท์นั้นอีกทีด้วยว่าหมายความว่าอะไร ฟังดูดีแล้วความหมายยังเข้ากับธุรกิจของคุณอยู่ไหม ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องเป็นชื่อที่คุณในฐานะเจ้าของแบรนด์ก็ชอบมันด้วย
อ้างอิง: