ระบบตั้งชื่อธุรกิจบูติค
ตั้งชื่อเพื่อธุรกิจบูติคของคุณได้ที่ด้านล่างนี้
สร้างเว็บไซต์ของคุณเองได้ฟรี!
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของ GoDaddy ช่วยให้คุณสร้างและปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเองได้อย่างง่ายดาย ด้วยเครื่องมือแบบลากและวาง
ชื่อพรีเมียมเพื่อปั้นธุรกิจให้คุณ
รังสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และดีไซเนอร์มืออาชีพ
View More Premium Names from Domainify

แอชลีย์ ส.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการตลาด
เนื้อหาบทความ
(ข้ามไปยังส่วนอื่น)
วิธีตั้งชื่อธุรกิจของคุณ
5 เคล็ดลับในการตั้งชื่อธุรกิจ
ไอเดียชื่อธุรกิจ
วิธีตั้งชื่อธุรกิจบูติค
สวัสดีค่ะ ฉันแอชลีย์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์) ฉันจะพาคุณไปพบกันสี่ขั้นตอนการตั้งชื่อธุรกิจบูติคค่ะ ด้านล่างนี้เป็น 20 ตัวอย่างที่ฉันตั้งขึ้นมาก่อน จากนั้นฉันจะมาบอกวิธีให้ว่าคุณจะตั้งชื่อธุรกิจของคุณเองได้ยังไงบ้าง ก่อนอื่นลองระบบตั้งชื่อธุรกิจบูติคของเราด้านบนก่อน แล้วค่อยเลื่อนลงมาดูว่าขั้นตอนแรกในการตั้งชื่อนั้นคืออะไรค่ะ
- Queen Simona
- big little sister
- the nightdress boutique
- Genuine place
- Frill and thrill
- Only Vogue
- Mimi momma boutique
- Fashion Hub
- Tess the Chick
- Golden look
- pretty little lady
- cubs collection
- pixie boxie
- papa’s closet
- the 90’s vibe
- Shopper’s Chow
- The late 80’s boutique
- End Month resident
- girl cave
- fil du Jour
ตั้งชื่อธุรกิจไม่ซ้ำใครด้วยระบบตั้งชื่อธุรกิจของเรา!
#1) ระดมไอเดียชื่อ
เริ่มกันที่การระดมความคิดว่าคำไหนที่เหมาะกับชื่อธุรกิจของคุณบ้าง ในความคิดฉันคือ ฉันได้ใช้คำว่า “pretty”, “shop”, “fashion” และ “Beautiful” จะเห็นได้ว่านอกจากคำเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความบูติคแล้วยังบอกถึงเสื้อผ่าที่มีคุณภาพ ความหรูหราและดูดีจากธุรกิจหรือแบรนด์ด้วย จุดประสงค์ก็คือเพื่อสร้างลิสต์รายการคำต่าง ๆ ที่แวบเข้ามาในหัวเวลานึกถึงธุรกิจของคุณ
ถ้าไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ลอง ระบบตั้งชื่อธุรกิจของเราดูค่ะ
และนี่ก็เป็นไอเดียหลังระดมความคิดค่ะ:
#2) ลองตัดตัวเลือกให้เหลือน้อยลง
เมื่อลองร่ายรายชื่อที่น่าจะใช้ได้แล้ว ลองตัดชื่อได้ก็ได้ออก ชื่อที่คิดว่าน่าจะจำยาก ลองสะกดหรือพูดชื่อออกมา ส่วนชื่อที่นำไปตั้งแบรนด์ได้ ฟังดูดี จำง่าย และสามารถสื่อถึงคุณค่าของแบรนด์ สินค้าหรือบริการให้กับกลุ่มบุคคลเป้าหมายของคุณได้นั้น ให้เก็บไว้
อันนี้เป็นลิสต์ให้คุณลองเช็คดูเพื่อช่วยตัดชื่อออกไปได้บ้าง:
- ชื่อเรียบง่ายและจำง่ายหรือเปล่า
- ชื่อนี้อ่านออกเสียงง่ายหรือเปล่า
- ชื่อนี้แตกต่างจากชื่อคู่แข่งหรือเปล่า
- ชื่อนี้สื่อความหมายชัดเจนหรือยัง
- ชื่อนี้เลี่ยงการใช้คำซ้ำซากหรือน่าเบื่อหรือไม่
ชื่อที่คัดมาได้:
ชื่อที่ตัดทิ้ง:
ตั้งชื่อธุรกิจไม่ซ้ำใครด้วยระบบตั้งชื่อธุรกิจของเรา!
#3) ขอคำติชม
มาถึงตอนนี้ คุณก็จะมีชื่อธุรกิจบูติคเจ๋ง ๆ แล้วสัก 3-6 ชื่อ ลองถามฟีดแบ็กจากลูกค้าหรือคนที่ทำงานในวงการได้เลย (ซึ่งก็คือกลุ่มบุคคลเป้าหมายของคุณ) เลี่ยงการขอฟีดแบ็กจากคนในครอบครัวและเพื่อนเพราะกลุ่มนี้มักจะอวยไอเดียทุกอย่างที่คุณมี และพวกเขาก็ไม่ใช่ลูกค้าคุณด้วย
ให้คุณลองถามดูว่า:
- พอได้ยินชื่อนี้ นึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก
- ได้ยินแล้วจะสะกดยังไง
พอได้ฟีดแบ็กจากลูกค้ามา คุณก็จะถามตัวเองได้แล้วว่าชื่อนี้ยังดีอยู่ไหม ยังสามารถสื่อถึงธุรกิจอย่างที่คุณตั้งใจจะทำได้หรือไม่
คำติชมจากลูกค้าของฉัน::
ชื่อนี้ทำให้นึกถึงสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์และน่าประทับใจ
ชื่อนี้ทำให้รู้สึกถึงความซื่อสัตย์และความสามารถในการนำเสนอสินค้าดี ๆ
สื่อถึงการมีสินค้าให้เลือกมากมาย
สื่อถึงความพึงพอใจของลูกค้า
#4) ตรวจสอบดูว่าใช้ได้ไหม
มาถึงจุดนี้แล้วก็ควรมีชื่อธุรกิจบูติคอยู่ในลิสต์สักสามชื่อแล้วนะคะ เผื่อว่ามีชื่อไหนที่มีคนเอาไปใช้แล้ว คุณสามารถลอง ค้นหาชื่อธุรกิจ ออนไลน์เพื่อดูว่าสามารถใช้ชื่อนั้นในประเทศหรือรัฐของคุณได้ไหม และลองตรวจสอบดูด้วยว่าชื่อนี้สามารถใช้เป็น เครื่องหมายการค้า และใช้จดทะเบียนโดเนมได้หรือไม่
ตรวจสอบว่าใช้โดเมนได้หรือไม่
วิเคราะห์ชื่อคู่แข่ง
ในการช่วยคิดระดมชื่อธุรกิจ ลองมาดูธุรกิจบูติคสามเจ้ากัน แล้วค่อยมาดูว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกใช้ชื่อนั้น เลือกใช้ได้ยังไง และทำไมชื่อนั้นถึงทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างดี

Billy Reid ร้านบูติคสัญชาติอเมริกัน ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง- Billy Reid เขานำเสนอตัวเองว่าเป็นนักอนุรักษนิยมที่นำเสื้อผ้าคลาสสิกแบบอเมริกันมาทำเป็นทิศทางแบบโมเดิร์น นี่เป็นจุดขายที่ดีมากเพราะลูกค้าสามารถเจข้าถึงสินค้าจากดีไซเนอร์อย่างง่ายดายและสัมผัสคุณค่าของมัน

Browns Fashion ใช้กลยุทธ์ตั้งชื่อที่เรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างดี ร้านนี้ใช่ชื่อทั่วไปในขณะที่นำเสนอสิ่งดี ๆ ให้นวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาภายใต้กลยุทธ์การค้าปลีกเสริมของร้าน ซึ่งรวมถึงสภาพแวดล้อมแฟชั่นบูติคที่หรูหรา เพื่อทดสอบเทคโนโลยี Farfetch Store of the Future ของร้าน

A line Boutique ชื่อแสนธรรมดาสามัญที่พอได้ยินก็รู้แล้วว่าเขาขายอะไร ชื่อนี้โดนใจลูกค้าที่มองหาสินค้าสวย ๆ มีเอกลักษณ์ นอกจากจะสื่อว่าทางร้านมีภารกิจที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกเข้มแข็งแล้ว พอฟังแล้วยังสัมผัสได้ถึงความอุทิศตัวในการทำให้เห็นคุณค่าอีกด้วย
1. ทำการวิเคราะห์คู่แข่ง
วิเคราะห์คู่แข่งตั้งแต่ขั้นตอนแรกจะช่วยประหยัดเวลาได้มากในอนาคต เพราะจะได้รู้ว่าชื่อไหนที่ควรเลี่ยงบ้าง และยังช่วยให้คุณเข้าใจว่าชื่อธุรกิจของคู่แข่งจะช่วยเฟ้นคำและตั้งชื่อธุรกิจของคุณได้อย่างไร เมื่อคุณทำการวิเคราะห์คู่แข่งนั้น ลองนึกถึงสิ่งต่อไปนี้:
- ชื่อธุรกิจของพวกเขามีการสื่อถึงธุรกิจหรือคุณค่าผลิตภัณฑ์อย่างไร และนั่นได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง
- มีแนวโน้มหรือไม่ว่าธุรกิจเหล่านี้บอกชื่อของตัวเองชัดอยู่แล้ว เพราะเราควรเลี่ยงใช้ชื่อที่สื่อว่า “ก็แค่ธุรกิจแนวนี้อีกเจ้าหนึ่ง”
- เจ้าไหนทำได้ดีที่สุด ทำไมถึงได้ผล และคุณจะตั้งชื่อที่ดีกว่าได้อย่างไร
2. โฟกัสที่การตั้งชื่อธุรกิจ ไม่ใช่การอธิบายถึงธุรกิจ
จุดที่ธุรกิจหลายเจ้าพลาดก็คืออธิบายตรงเกินไปว่าธุรกิจนั้นทำอะไร เช่นใช้คำด้านบูติคที่ใช้กันเกลื่อนอย่างคำว่า cloth line, beautiful, หรือ quality ชื่อธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากกว่านั้นควรสื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงคุณค่าของธุรกิจและผลิตภัณฑ์ในระดับที่ลึกกว่า ลองตั้งชื่อธุรกิจของคุณแบบให้มีเรื่องราวและที่มาเบื้องหลังดีกว่า
มาดูตัวอย่างของธุรกิจบูติคที่่มีจริงที่ชื่อว่า A Line Boutique กันค่ะ
ถ้าแปลตรงตัว ชื่อนี้ก็สื่อว่าคุณจะได้พบกับสินค้าเอไลน์หรือสินค้าแนวหน้าสุดยอดคุณภาพ แต่ในระดับที่ลึกลงไป ชื่อนี้ก็แปลได้ว่ามันมีความเชื่อมั่นและคุณค่าของธุรกิจ นั่นก็คือการปลูกฝังสภาพแวดล้อมที่ผู้หญิงสามารถสำรวจศักยภาพของตนเองผ่านสไตล์ที่คัดสรรมาเพื่ออีเวนท์ต่าง ๆ ในแต่ละวัน
3. วิธีตั้งชื่อให้เป็นที่น่าจดจำ
การตั้งชื่อธุรกิจให้เป็นที่น่าจดจำเป็นขั้นแรกที่จะทำให้ชื่อติดหูลูกค้า และยังเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยากด้วย ชื่อธุรกิจของคุณควรมีเป้าหมายให้ลูกค้าหยุด ฉุกคิดและนำไปคิดถึงผลิตภัณฑ์ของคุณท่ามกลางคู่แข่งที่มีมากมายของคุณ เคล็ดลับในการตั้งชื่อให้จำง่ายก็คือ:
- ใช้การออกเสียงที่เป็นจังหวะหรือมีสัมผัสอักษร (Mimi Momma, Frill and Thrill)
- พยายามใช้คำที่จะไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณเลยเมื่อบริบทเปลี่ยนไป (Big Little Sister)
- ทำให้สั้น กระชับและเรียบง่าย
4. ลองซื้อชื่อธุรกิจแบบแบรนเดเบิล (Brandable)
ชื่อธุรกิจ Brandable เป็นชื่อที่ไม่มีความหมายแต่พออ่านแล้วออกเสียงได้ชัดเจนดี โดยมักใช้รูปแบบของตัวโครงสร้างคำเป็น สระ/พยัญชนะ/สระ ที่จะทำให้ทั้งสั้น ติดหูและจำง่าย ตัวอย่างเว็บไซต์แบบแบรนเดเบิลก็คือ:
- Alomos Boutique
- Musos Boutique
- Torres Boutique
ลองหาชื่อธุรกิจแบรนเดเบิลแบบอื่นเพิ่มเติมได้ที่ Domainify.com
5. เลี่ยงการนำคำมารวมกันเพื่อสร้างเอกลักษณ์
สิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์มักพลาดอีกอย่างคือนำคำแย่ ๆ มารวมกันเมื่อพบว่าชื่อที่อยากจะใช้นั้นมีคนใช้ไปแล้ว ตัวอย่างเช่น จอห์นอยากตั้งชื่อธุรกิจว่า Golden Look แต่พบว่ามีคนอื่นนำไปใช้แล้ว เขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะใช้ชื่อนี้จึงพยายามปรับเปลี่ยนเป็นชื่อที่ฟังคล้ายกันเช่น Goldenister Look, Goldie Looks or Gold Good look
จะเห็นได้ว่าไอเดียเหล่านี้เป็นการถอยหลังลงคลอง เพราะมันไม่ติดหู ออกเสียงก็ยาก จำก็ยาก ถ้าเป็นแบบนี้ขอแนะนำให้เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกและใช้เคล็ดลับต่าง ๆ ที่เราได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นค่ะ
ตั้งชื่อธุรกิจไม่ซ้ำใครด้วยระบบตั้งชื่อธุรกิจของเรา!
ตั้งชื่อธุรกิจไม่ซ้ำใครด้วยระบบตั้งชื่อธุรกิจของเรา!
คำว่า บูติคมักถูกนำไปอธิบายอย่างไร
(“______ บูติค”)
ตัวอย่างชื่อธุรกิจ บูติค มักใช้คำอย่างเช่น ‘Charm Boutique’ และ‘Ritz Boutique’
ตั้งชื่อธุรกิจไม่ซ้ำใครด้วยระบบตั้งชื่อธุรกิจของเรา!